กลยุทธ์การจัดการการเงินและการออกจากการเทรดฟอร์เร็กซ์
กลยุทธ์การจัดการการเงินและการออกจากการเทรดฟอร์เร็กซ์
เราเชื่อว่าถึงเวลาที่จะเปิดประเด็นใหม่เกี่ยวกับ Money Management (ขอใช้คำเดิมของมันดีกว่าแปลแล้วให้ความรู้สึกตลก)
ต่อไปนี้เราจะพูดถึงเรื่องระบบเทรดและวิธีการที่จะช่วยให้เราควบคุมการขาดทุน และ จำกัดความเสี่ยง ปรับปรุงอัตรา Win Loss หรืออีกแง่หนึ่ง ทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับ Money Management (เอาเป็นใช้ตัวย่อว่า MM เลยละกัน ฮ่า) ใน Forex กัน
เราหวังว่าหัวข้อนี้จะสร้างความน่าสนใจเกี่ยวกับ MM ในการเทรดค่าเงิน และช่วยให้คุณมี Win Ration เยอะขึ้นในระบบเทรดของคุณ
ขอให้มีความสุขกับการเทรดด้วย MM!
ขอแสดงความนับถือ,
Edward Revy
และทีม Forex Strategies Team
1. Money Management ที่ใช้การได้
กฏข้อที่ 1: อย่าเสี่ยงเกิน 2 % ของเงินในบัญชี
กฏข้อที่ 2: ใช้แนวรับแนวต้านตามธรรมชาติในการตั้ง Stop loss
กฏข้อที่ 3: ใช้ระยะทางที่มันวิ่งได้ในการคำนวณ Stop loss หรือในการคำนวณขนาดของ Lot
กฏทองของ MM คืออย่าเสี่ยงเกิน 2 % ของบัญชีเทรดของคุณในการเทรดครั้งเดียว ซึ่งหมายถึงจำนวนที่คุณอาจจะขาดทุน ไม่ได้หมายความจำนวนที่คุณจะเทรด คุณสามารเทรดได้ 5 % 10 % หรือ 20 % ของเงินทุน แต่ว่า Stop loss ต้องไม่เกิน 2 % ของบัญชี การใช้ความเสี่ยง 2 % กับ ระยะ Stop loss คุณจะสามารถคำนวณ Lot ที่ต้องใช้ในการเทรด ซึ่งจะต้องเท่ากับ 2 % ของการเทรดถ้า Stop loss ทำงาน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องคำนวน Stop loss
การตั้ง STOP-LOSS: เครื่องมือใด ๆ ที่สามารถระบุแนวรับแนวต้านได้ถือว่าใช้ได้ คุณสามารถใช้เทรนด์ไลน์ เป็นแนวรับแนวต้าน ใช้ Moving Average, หรือ Parabolic SAR ส่วนของผม ผมชอบใช้ a Moving Average หรือ Parabolic SAR, ทั้งคู่พร้อมกับ Price Action พร้อมกับ ตั้ง Trailing Stop
CALCULATE STOP-LOSS RANGE: สำหรับ ออริเดอร์ Buy ตั้ง Parabolic SAR เป็นจุด stop-loss
CALCULATE 2% OF ACCOUNT FUNDS.
2. Money management system #1 (Lucky 7 - trading sequence)
Submitted by Dachel Miqueli
โอเค นานมาแล้วที่ผมไม่ได้โพสต์อะไรเลย แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมหยุดเทรดไปแล้ว ผมมีระบบเทรดที่ดีมานำเสนอวันนี้ และเหมาะสำหรับบุคคลิกอย่างผมเป็นที่สุด ดังนั้น สิ่งที่ผมต้องการจะแชร์วันนี้ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ แต่ระบบนี้ไม่ใช่ระบบของผม ต้องยกเครดิตให้ FXTraderpro ผมโมดิฟายมันนิดหน่อยเพื่อให้เหมาะกับผม
ก่อนที่คุณจะอ่านต่อไป ผมต้องบอกว่า ระบบนี้เป็น semi-martingale system ซึ่งคุณต้องควบคุมการขาดทุนของคุณแทนที่จะต้องขาดทุนทั้งหมดเหมือนกับ ระบบ martingale อื่น ๆ winning risk ratio คือ 1/2.
นี่คือรายละเอียด:
1) เราเปิดออร์เดอร์เทรดตามเกณ์ของเรา เช่น Buy EURUSD ที่ราคา 1.3500. Stop Loss ปกติคือ 10 Pips ที่ราคา 1.3490 และ Take Profit คือ 50 Pips ที่ราคา 1.3550 ซึ่งนี่คือจุดที่เป็นไปได้ที่ว่ามันจะชน
2) ถ้าเกิดเข้าเทรดแล้วชน Take Profit เราก็รอสัญญาณใหม่และเทรดต่อไปอีกครั้ง
3) ถ้าชน Stop Loss การเทรดต่อไปของเราคือ SELL (และออร์เดอร์ข้างบนคือ Buy ) ซึ่งเราเข้าเทรดที่ราคาตลาดเมื่อ ราคาชน Stop loss โดยจะใช้ Take Profit = 50 and Stop Loss = 10 เหมือนกัน ออร์เดอร์จะถูกเปิดใหม่ทุกครั้งที่ชน Stop loss โดยเปิดทิศทางตรงข้ามกัน และ รอบของการเทรดจะจบลงเมื่อราคาชน Take Profit
กระบวนการเทรดคือ เมื่อราคาชน Stop loss การเทรดต่อไปคือ:
* เทรดในออร์เดอร์ตรงกันข้าม
* จุดตั้ง Stop loss และ Take Profit settings ยังเหมือนเดิม คือ 10 และ 50 จุด
* จำนวนของ Lot นั้นแล้วแต่ว่า ขนาดของบัญชี โตขึ้นหรือลดลง
หมายเหตุผู้แปล*
1. ต้นฉบับมีการแนบ ไฟล์ Excel ไว้ แต่กำไรต่อจุดหรือลักษณะของบัญชีแต่ละ Broker แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ Leverage ที่ใช้ด้วย จึงไม่ได้นำมาแนบไว้ในนี้ สนใจดูได้ที่ http://forex-strategies-revealed.com/money-management-systems
2. ผู้เขียน บอกว่าราคาชน Stop loss เข้าใจว่า เป็นการตั้งในใจไว้ แล้วส่งออร์เดอร์ Sell แต่เราสามารถส่งออร์เดอร์ Sell Stop และ Buy Stop แทนได้ อย่างที่เห็นไม่ได้มีการเบิ้ลลอทแต่อย่างใด แม้จะสามารถประยุกต์ได้ แต่ข้อควรระวังไม่ใช่เรื่องของระบบ แต่เป็นความโลภของเราเอง ระบบนี้ดีพอที่จะทำกำไรได้ ^ ^
ถ้ามีคนสนใจมาก ผมจะเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าเทรดและออก แน่นอนคุณก็สามารถใช้วิธีการของคุณได้เหมือนกัน และเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการเข้าเทรดผมเทรดมาเป็นเดือนแล้ว และมันกำลังพัฒนาไปเรื่อย ๆ
Dachel Miqueli
dachelm@yahoo.es
Money management system #2 (Getting free trades)
อะไรคือ free trades?
สิ่งที่ดีที่สุดในการเทรดค่าเงินคือ คุณสามารถเทรดโดยไม่ต้องขาดทุน นั่นคือการเทรดที่มี Stop loss ตั้งไว้ที่จุดคุ้มทุน + Spread แล้ว ซึ่งคือการย้าย Stop loss เมื่อเราสามารถตั้งได้
การย้าย Stop นั้นเป็นเหมือนศิลปะ คุณต้องตั้งให้พอเหมาะที่จะรอดจากการแกว่งตัวของตลาดและไม่มากเกินไปที่จะทำให้กำไรหดหาย
ทำอยางไร?
วิธีหนึ่งที่ง่ายคือการเทรดด้วย Trailing Stop โดยใช้ Parabolic SAR .
กลยุทธ์การใช้ trailing stop strategy
หลังจากที่เข้าเทรด stop loss ถูกตั้งตามจุด SAR ใหม่ทุก ๆ ครั้งซึ่งเราจะตั้งจนถึงจุดคุ้มทุนของเราได้
Parabolic SAR indicator จะทำให้เราไม่ตั้ง trailing stop ใกล้เกินไปกับจุดเข้าเทรด อย่างไรก็ตาม ถาเกิดมีการแกว่งตัว High/Low สูง เราแนะนำว่า การใช้ แนวรับแนวต้านอาจจะตั้ง Stop loss ให้สูงกว่าจุดแนวรับแนวต้านหน่อยหนึ่ง โดยไม่ใช้ Indicator ในสภาพตลาดดังกล่าว
จากจุดนี้เราสามารถเทรดได้บนจุดคุ้มทุน เราสามารถมีความสุขกับการเทรด และการย้าน Stop loss ซึ่งเป็นเวลาในการ Lock กำไรของเราไว้ วิธีการหนึ่งที่ใช้ในการย้าย Stop loss คือ เมื่อแท่งเทียนใหม่เคลื่อนไหวไปในทิสทางที่คุณคิดไว้ .
ไม่สำคัญว่า อินดิเคเตอร์ หรือว่าวิธีการไหนที่คุณจะเลื่อกในการขยับ Stop loss เป้าหมายคือการเลื่อน Stop loss ให้ไปอยู่ที่จุดคุ้มทุนเร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
พูดคุยเกี่ยวกับ ความปลอดดภัย : ผมรู้จักเทรดเดอร์หลายคน ที่ตั้ง Stoploss ทันทีที่ตั้งได้โดยห่างแค่ 5 pip ซึ่งราคาที่เทรดแกว่งอยู่ช่วง 10-15 pips แนวคิดของพวกเขาคือ ต้องรอทำไม?
ด้วยวิธีการนี้ เหตุการณ์จะมี 2 เหตุการณ์ คือ + กำไร 5 จุด ซึ่งน่าจะเกิดบ่อย 90 % หรือ ต้องพัฒนาจุดทำกำไรที่เหมาะสม ที่ไม่ชนบ่อยเกินไป
หมายเหตุ : การที่จะประสบความสำเร็จด้วยวิธีนี้ เราต้องเลือกจุดเข้าที่ใกล้กับ จุดกลับตัวมากที่สุด ( เพราะว่าจุดดังกล่าว จะมีขาดทุนในตอนแรก แต่ว่าจะได้กำไรตอนหลัง - แต่ไม่แนะนำ) หรือคุณควรมองหาจุดเข้าเทรดที่เป็นเทรนด์ที่เกิดเป็นเทรนด์แล้ว
ประเด็นของเรื่องการได้ออร์เดอร์ฟรีเทรดคือ : ไม่มีอะไรจะดีเท่ารู้ว่า " คุณไม่มีทางขาดทุนออร์เดอร์นี้ในการเทรด" การได้ฟรีเทรดเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะสามารถจัดการกับใจของเราได้ในการเทรด Forex
Happy and profitable trading!
3M oney management system #3 (Lot size management)
นี่เป็นการจัดการ size management อีกวิธีหนึ่ง :
ตัวย่อ :
L - loss
W - win
1L - ขาดทุน 1 lot
2W -กำไร 2 2 lots
กฏของ Lot size management :
Rule #1. ถ้าคุณเทรดได้กำไรในออร์เดอร์แรก นับว่าเป็น win และเริ่ม ซีรี่ส์ใหม่ ;
Rule #2. เมื่อคุณขาดทุน ให้เทรดขนาดเดิม จะกว่าคุณจะได้กับไร หลังจากที่คุณ win 1 ครั้ง ให้คุณเทรดเท่ากับผลรวมของออร์เดอร์ขาดทุนที่คุณเทรด(ตัวอย่าง หลังจากที่ Loss 4 ครั้ง ครั้งละ 1 Lot และ win 1 ครั้ง 1 Lot ครั้งต่อไปให้เพิ่ม Lot เท่ากับ 4 Lot ตามตัวอย่างนี้)
Rule #3. ถ้าคุณขาดทุนหลายครั้ง และ 1 ครั้งขาดทุน แล้วหลังจากนั้นขาดทุนอีก ขนาดการเทรดของคุณ คุณจะต้องคูณด้วยระยะทางการขาดทุนที่กว้างที่สุดนั้นกับออร์เดอร์ปัจจุบัน
(ตัวอย่าง 1: หลังจากที่ขาดทุน 2 losses ที่ 1 lot, 1 win ที่ 1 lot, 3 losses ที่ 2 lots, และ 1 win ที่ 2 lots, ตอนนี้คุณต้อง เทรด 6 Lot นั่นคือ (3 losses คูณ 2 lots)
Example 2: หลังจากที่ขาดทุน 3 losses ที่ 1 lot, 1 win ที่ 1 lot, และ 2 losses ที่ 2 lots, คุณจะต้องเทรด6 Lot เพราะว่า ออร์เดอร์ปัจจุบันคือ 2 และจำนวนขาดทุนที่มากที่สุดคือ 3 )
ผลของระบบนี้คือว่า เทรดเดอร์จะคืนทุนก่อนที่จะกำไร 2 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งมันจะเกิดขึ้นเมื่อการเทรดครั้งที่สองเพราะว่า จำนวนที่เทรดนั้นเท่ากับขาดทุนที่เราเทรดมา ตัวอย่างเช่น : L L L L W L L W จุดนี้เราจะได้กำไรเท่านั้น แล้ว .
ความอันตรายคือ การ Lose หลายครั้ง ที่ไม่มี win ติดต่อกัน เช่น: L L L L W L L L L L L L W ซึ่งจะนำไปสู่ Lot 28 (ขาดทุน 7 losses คูณด้วยขนาด การเทรด Lot 4) ถ้าเพิ่ม Loss ไปอีก 2 คุณต้องใช้ Lot ถึง 56 และยังต้องการกำไร 2 ครั้งถึงจะเท่าทุน อีกแง่หนึ่ง ถ้าระบบเทรดของคุณมันขาดทุนบ่อยขนาดนี้ ก็เปลี่ยนระบบเถอะ:)
Happy trading!
หมายเหตุผู้แปล* คำเตือน การลองทุนมีความเสี่ยง โปรดเทรด Demo ก่อนและทดสอบระบบเทรดของตนให้แน่ใจ คิดถึงความเสี่ยงรอบด้านก่อนจะตัดสินใจใช้ระบบ ผู้เขียนและผู้แปล ไม่ได้ชี้นำหรือรับรองว่า ระบบนี้จะไม่ ล้างพอร์ท
Money management system #4 (Scaling into a position)
การสร้าง positions step-by-step: การเทรดที่ปลอดภัยมาก
ความแตกต่างของพื้นฐานการเทรดว่า มือใหม่และมืออาชีพนั้นอยู่ในการกำหนดขนาดการเทรด และ การสร้าง Position ขณะที่มือใหม่ จะเลือกขนาดตามการวิเคราะห์และกลยุทธ์ และต้องฝากชีวิตไว้กับ ออร์เดอร์เพียงออร์เดอร์เดียว นักเทรดที่มีประสบการจะสร้าง position ใช้ Layer ซึ่งการเทรดแต่ละครั้ง จะต้องดูจากออร์เดอร์ที่เทรดก่อนหน้า โดยเฉพาะกลยุทธ์เทรดตามเทรนด์ กระบวนการเข้าเทรดทำให้เราควบคุมความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพในการเทรดฟอร์เร็ก และทำกำไรได้สูงสุด
กำไรทางอารมณ์
ประโยชน์หนึ่งของ ระบบเทรดที่เป็น Layer ความสามารถในการลดภาวะทางอารมณ์ โดยความเสี่ยงแต่ละ position น้อย การสร้างกำไรนั้นแล้วแต่เหตุการในตลาด ซึ่งใช้ Lot แค่ 1000 นั้นจัดการง่ายกว่า 10000 position (อันนี้แต่ละ Broker ไม่เท่ากันจ้า)
การเทรดโดยไม่มีความเสี่ยง
ถ้าใช้ stop loss เราสามารถเทรดโดยไม่มีความเสี่ยง ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างที่คิด เราจะพูดถึงและดูตัวอย่างกัน ซึ่งหลักการคือการตั้ง Stop loss ให้ใกล้จุดเข้าเทรดของออร์เดอร์อีกออร์เดอร์หนึ่ง จะทำให้เราปลอดภัยมากขึ้น
เทรดยาวหรือ เทรดสั้น ?
ระบบเทรด layered-entry method นั้นใช้ได้ทั้งระยะยาวและระยะสั้น แต่ว่ามันจะให้ผลตอบแทน Risk Reward ดีขึ้นในระยะยาว
ในกรณีการเทรดระยะยาว ออร์เดอร์จะอ่อนไหวต่อตลาดน้อยกว่า เพราะว่า แต่ละออร์เดอร์จะอยู่ห่างกันมาก และ จุดทำกำไรของเราก็จะกว้างซึ่งขึ้นอยู่กับ Time Frame ที่เราใช้ในการเทรด และสามารถลดอัตราต้นทุน(spread ต่อกำไรได้ เราสามารถบอกได้ว่า กลยุทธ์ การเข้าเทรดเป็น เลเยอร์ใช้ได้ดีในระยะยาว
แล้วเราจะประยุกต์ใช้กระบวนการเทรดนี้ได้อย่างไร ?
มันง่ายและตรงไปตรงมา เราจะอธิบายในตัวอย่างที่กระชับ
ข้างล่าง เราจะเห็นกราฟ รายชั่วโมงค่าเงิน GBPAUD เราเลือกกราฟนี้เพราะว่า มันแสดงว่าเป็นขาลงและง่ายต่อการวิเคราะห์ Williams percent บอกว่า เราต้องส่งออร์เดอร์ ตำกว่าเส้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดเข้าที่ดี แม้ว่ามันจะให้สัญญาณหลอกบ้าง แต่ว่ามันเหมาะที่สุดในการเข้าเทรดตลาดที่มีความผันผวนและมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน จุดประสงค์ของเราคือการเทรดเทรนด์โดยไม่ต้องกังวลใจกับออร์เดอร์ขนาดใหญ่ต่อครั้งในการเทรด การสร้าง position จะใช้ price action
เครื่องหมายลูกศรชี้ลง แสดงให้เห็นว่านั่นคือจุดที่ราคา แตะเส้น Trendline และเป็นเวลาที่ออร์เดอร์ต้องเปิด Sell position ซึ่งเราจะใช้ ค่าต่ำสุดสูงสุดของ Williams oscillator ที่ 100, -100 ในการทำกำไร และ จุดตัดขาดทุน จะเหนือกว่า 20 -30 จุดเหนือเส้นเทรนด์ไลน์ในแต่ละการเทรด หลังจากที่เปิดออร์เดอร์แรกที่ราคา 2.091 เราพบว่า Williams Oscillator ถึงจุดพีคอย่างรวดเร็ว ทำให้เราต้องปิดออร์เดอร์และทำกำไร และป้องกันเราจากการใช้ระบบ เลเยอร์ในการเทรด ออร์เดอร์ที่สองเราเปิดที่ราคา 2.085 แต่ไม่ได้มีสัญญาณพีคจาก William % ราคาที่ 2.083 และต่อมาเราเปิด Short อีก ออร์เดอร์หนึ่ง หลังจากนั้น เราเห็นว่า William Oscillator ถึงจุดพีค ถึงเวลาที่ทำเรากำไรจากออร์เดอร์ทั้ง 2
เราจะยังสามารถตั้ง stop-loss order ที่ราคาเปิดอันแรก เมื่อเราเปิดอันที่ 2 ที่ราคา 2.08 เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมลงครึ่งหนึ่ง
เมื่อราคาแตะเส้นเทรนด์ไลน์เป็นครั้งที่ 4 ที่ลากไว้ เราสามารถเข้าออร์เดอร์ Short และปิดอีกครั้งเมื่อ Williams Oscillator ถึงจุด พีค
ซึ่งกระบวนการเทรดนี้ แล้วแต่เทรดเดอร์ว่าจะใช้เงื่อนไขแตกต่างกันไปตาม การใช้ indicator ร่วมกันยังไง และเราต้องจำไว้ว่า ตัวอย่างของเรานั้นพยายามให้มันเข้าใจง่ายที่สุด ซึ่งไม่มีระบบไหนที่จะทำให้เราได้กำไรอย่างสม่ำเสมอ แต่ว่าเราต้องพยายามทดสอบกฏและระบบนั้นก่อน หลักการของ MM ซึ่งจะช่วยลดระยะทางให้เรา และ ลดภาระ และเราต้องพยายามหาโบรคเกอร์ที่เหมาะกับระบบและลักษณะของเราใช้มันด้วยกันให้ได้ประสิทธิภาพเพื่อประสบความสำเร็จและขาดทุนน้อยที่สุด
Comments
Post a Comment